ตอนเรียนมัธยมเพื่อนๆ มันเห็นผมหน้าตี๋ๆ ละม้ายชาวต่างชาติ (แดนปลาดิบ) มันเลยตั้งชื่อเรียกผมว่า "ไอ้ยุ่น" และเรียกติดมาจนเรียนจบช่างศิลป (แต่เพื่อนที่มหา'ลัย จะรู้จักผมในชื่อเอ๊ะ เพราะผมเบื่อชื่อยุ่น)
แต่ตอนที่ไปช่วยงานที่ เสถียรธรรมสถาน ผมตั้งใจตั้งชื่อใหม่เรียกตัวเองว่า "พ่อไก่อู" เพื่อล้อกับนามปากกา "แม่ไก่แจ้" ของคุณ ศันสนีย์ ศีตะปันย์ เมอลเลอร์ (นักเขียนและพิธีกรรายการ "morning talk" ช่อง ๑๑) ผมเองก็ไปรู้จักพระอาจารย์อำนาจ โอภาโส ที่นั่นตั้งแต่สมัยท่านยังเป็นฆราวาส (ชื่อเดิมของท่านคือ อำนาจ กลั่นประชา ผมเคยแสดงงานศิลปะร่วมกับท่านที่เสถียรธรรมฯ) ท่านเลยจำชื่อนี้เรียกผมมาตลอด ผมก็เลยถือว่าเป็นชื่อแบบ "ชาววัด" ของผมอีกชื่อหนึ่งไปโดยปริยาย
อ้อ...ผมยังมีอีกชื่อ ใช้เป็นชื่อจิตรกร (ที่พระอาจารย์อำนาจบอกว่า เพราะจนเรียกยาก) ว่า จิด-ตระ-ธานี ซึ่งผมเอาไว้เซ็นใต้ภาพที่ผมวาด ผมได้ชื่อนี้ตอนนั่งอยู่บนรถเมล์ (กว่าจะคิดได้ ก็เล่นเอาเลยป้าย) เพราะอยากได้ชื่อที่เนื่องกับงานตัวเองคือ นักวาดภาพ ได้คำว่า "จิตร" (อ่านว่า จิด-ตระ) แปลว่า การวาดรูป ระบายสี ลวดลายงดงาม สดใส และ "ธานี" ซึ่งเป็นชื่อจริงผมเอง แปลว่า "เมือง" ผสมกันจนแปลได้ความหมายว่า "เมืองแห่งการวาดรูป" ตอนแรกผมใช้ชื่อนี้เป็นชื่อเว็บไซต์ ที่ผมสร้างขึ้นเองคือ www.jitdrathanee.com ต่อมาภายหลัง จึงนำมาใช้เรียกตัวเองในฐานะคนเขียนรูปด้วย
ส่วนคำว่า "ลักคิด" ซึ่งใช้เป็นชื่อห้องบทความส่วนตัวของผม ในเว็บไซต์บ้านอารีย์ ๒๖ นี้ ผมได้มาจากคำที่หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ ใช้เรียกอาการที่จิตหลงเผลอไป ลืมกายลืมใจ ไม่อยู่กับปัจจุบันขณะ (ซึ่งผมเป็นบ่อยมั่กๆ บางทีก็เผลอนาน จนลืมไปเลย) แทนตัวผมที่จิตยังตั้งมั่นไม่ถึงฐาน (ตามที่หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สอนไว้) ยังต้องเพียรตามรู้ตามดูอยู่ครับ ซึ่งกะไว้ว่า จะเขียนบทความธรรมะอย่างที่ผมเข้าใจ (ณ เวลานี้) ซึ่งผมสังเกตดูว่า ความรู้ทางธรรมของผมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามภูมิธรรมที่ทยอยสั่งสม คงต้องขอเตือนดังๆ ว่า "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน" แต่การเขียนบทความบนเว็บไซต์ มีข้อดีอยู่อย่าง คือแก้ไขได้ตลอดเวลา ยิ่งผมทำเว็บเองด้วยแล้ว..ยิ่งง่าย (หากผมยังมีชีวิตอยู่นะ T_T)
อ้อ...บทสัมภาษณ์พระอาจารย์อำนาจ (สมัยเป็นฆราวาส) ผมก็จะนำมาลงให้อ่านในโอกาสต่อไปครับ ^0^
พ่อไก่อู เขียน (๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๑)