Baan Aree'26


Fun Learning traditional Thai designs with JitdraThanee's Logo

       'เปิดกรุ ครูช่าง' ครั้งนี้ จิด-ตระ-ธานี แนะนำเอง (อีกแล้ว) ครับ เป็นภาพถ่าย (เก่าเก็บ) ที่ผมเก็บสะสมไว้นานแล้ว เป็นชุดภาพจิตรกรรมบนสมุดข่อยโบราณ ของวัดขนอน (หนังใหญ่) สมัยอยุธยาตอนปลาย งามมากๆ (เช่นกันขอบอก)







  ๖. ชุดภาพจิตรกรรมบนสมุดข่อย วัดขนอน (หนังใหญ่) จ.ราชบุรี สมัยอยุธยาตอนปลาย
วัดขนอน (หนังใหญ่) จ.ราชบุรี มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นวัดที่อนุรักษ์การแสดงทางวัฒนธรรม "หนังใหญ่" ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยแต่โบราณ ที่กำลังค่อยๆ จะสูญหายไป (คำว่า "หนังๆ" ที่พวกเรานิยมเรียก การชมภาพยนตร์ในปัจจุบันนั้น ก็มีที่มาจากศิลปะการแสดง "เชิดหนัง" แต่โบราณนี่แหละครับ คนไทยแต่โบราณใช้วิธีแกะสลัก "หนังวัวหนังควาย" เป็นรูปตัวละครในเรื่องราวต่างๆ เพื่อใช้สำหรับเชิดนี่แหละครับ) และในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรที่เปิดให้ชมหนังใหญ่ ซึ่งเป็นของโบราณแต่ดั้งเดิมด้วยครับ

     แต่ใครจะรู้นิ...ว่า วัดขนอนยังมีโบราณวัตถุอื่นๆ อีก นอกจากหนังใหญ่ด้วยนะ ถึงหนังใหญ่ของวัดขนอน จะถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยพระครูศรัทธาสุนทร (หลวงปู่กล่อม) อดีตเจ้าอาวาสวัดขนอน ซึ่งท่านมีความรู้ทางด้านช่างเป็นอย่างดี แต่เมื่อคราวที่ผมได้ไปเยี่ยมชมวัดขนอนนั้น (สมัยยังเป็นนักศึกษาช่างศิลป นานมาก.ก.ก ละ...) ก็ยังไปพบสมุดข่อยโบราณในวัดอีกด้วย เมื่อพิจารณาจากภาพวาดภายในแล้ว น่าจะมีอายุย้อนไปถึงสมัยอยุธยาตอนปลาย สวยมากเลยครับ ผมก็ให้เพื่อนที่เป็นตากล้องที่ไปด้วยกัน ถ่ายเก็บไว้ เพิ่งจะมีคราวนี้แหละครับ ที่ได้นำออกมาเผยแพร่ให้ชมกันผ่านเว็บไซต์ "วาดเล่นๆ กับ จิด-ตระ-ธานี"

     ภาพวาดภายในก็เขียนเล่าเรื่อง "ทศชาติชาดก" หรือ ๑๐ ชาติสุดท้าย ก่อนที่จะได้ตรัสรู้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คนไทยแต่โบราณนิยมเรียก ๑๐ ชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้าด้วยชื่อย่อๆ เพื่อให้จำง่ายๆ ว่า "เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว" ซึ่ง เต หมายถึง พระเตมีย์ใบ้ ชะ พระมหาชนก สุ พระสุวรรณสาม เน พระเนมิราช มะ พระมโหสถ ภู พระภูริทัต จะ พระจันทกุมาร นา พระมหานารทกัสสปะ (พรหมนารถ) วิ วิธุรบัณฑิต เว พระเวสสันดร ซึ่งผมจะค่อยๆ อธิบายพร้อมกับ ชมความงามของภาพไล่ไปเรื่อยๆ นะครับ : (๑๖ เม.ย. ๒๕๕๓)
 
 

1234567891011
  Save

save ภาพบน : 373 KB


     
       ชาตินี้พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญานาคนามว่า "พระภูริทัต" โอรสของท้าวทศรถแห่งเมืองนาค ถึงจะเป็นกึ่งเดรัจฉานกึ่งเทพ พระภูริทัตก็นิยมรักษาอุโบสถศีลเป็นอย่างยิ่ง (ต่างจากนาคทั่วๆ ไป) ในภาพเป็นตอนที่พระภูริทัต ขึ้นจากบาดาลมารักษาศีลที่จอมปลวก จนถูกพรานเนสาท ซึ่งมีใจบาปหยาบช้า ร่ายมนตร์อาลัมพายน์ (มนต์จับนาค) จับตัวไป ถึงพระภูริทัตจะเป็นนาคที่มีฤทธิ์มาก แต่ก็ไม่ตอบโต้ เพราะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่ต้องการให้ศีลมัวหมอง ไม่ว่าจะต้องเผชิญความทุกข์ยากอย่างไร ก็จะอดทน อดกลั้น ตั้งมั่นอยู่ในศีลตลอดไป จนพระภูริทัตถูกจับไปทรมานต่างๆ แต่ก็ยังคงตั้งมั่นในการรักษาศีลไว้ได้ จนจบเรื่อง ชาตินี้พระโพธิสัตว์บำเพ็ญ "ศีลบารมี" ภาพพื้นหลังที่เป็นสีส้มอ่อนๆ นี้ เป็นลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่ง ของศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ชมภาพงามๆ กันเพลินๆ นะครับ : จิด-ตระ-ธานี  
     
 

 


 
 
 

 
     


 
Histats.com, Created : 7 Dec.2010
   
  Create and Maintained by JitdraThanee Copyright © 2008-2014 by JitdraThanee.com, All Rights Reserved. Best viewed 1280x800 pixels.