Baan Aree'26


Fun Learning traditional Thai designs with JitdraThanee's Logo

        'จิน' หนุ่มอุตรดิตถ์ฝีมือดี จากรั้วเพาะช่าง ที่วาดลายไทยได้น่าประทับใจมาก ส่งผลงานงามๆ มาร่วมแสดงชุดใหญ่อีก ๑๑ ภาพครับ ระเบียง 'วาดเล่น ๆ กับ จิด-ตระ-ธานี' ยินดีที่ได้นำเสนอผลงานจินครับ

 
เกรียงกมล นาคบางแก้ว (จิน) , ๓๒ ปี
วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ , จ.อุตรดิตถ์

แรงบันดาลใจ : งานเขียนเส้นดินสอสมัยจบใหม่ๆ ครับ

ส่งผลงานเมื่อ ๒๖ เม.ย. ๒๕๕๔)
 
 






Jin's portrait


  select arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrow

20
123456789101112131415161718192021222324252627


  พระโกญจนาเนศวร มีพระนามปรากฏอยู่เฉพาะในตำราคชลักษณ์ (หรือตำราคชศาสตร์ของไทย ซึ่งเป็นตำราที่ใช้สำหรับดูลักษณะช้างดี ช้างเลว ในสมัยโบราณมีความสำคัญมาก เพราะช้างเป็นสัตว์สำคัญ ที่ถูกมนุษย์นำมาใช้งานในหลากหลายรูปแบบ) ตามตำนานกล่าวว่า ใน "ไตรดายุค" (ชื่อยุคที่ ๒ ในยุคทั้ง ๔ ตามคติของพราหมณ์) พระผู้เป็นเจ้าทั้ง ๔ มาประชุมพร้อมกัน โดยพระนารายณ์ (หรือพระวิษณุ) ทรงกระทำเทวฤทธิ์ บังเกิดดอกบัวผุดขึ้นจากพระอุทร (ท้อง) ดอกบัวดอกนั้นมี ๘ กลีบ มีเกสร ๑๗๒ เกสร แล้วจึงนำไปถวายพระอิศวร (หรือพระศิวะ) ซึ่งองค์เทวะได้แบ่งเกสรดอกบัวออกเป็น ๔ ส่วน หนึ่งส่วนเป็นของพระศิวะเอง หนึ่งส่วนของพระพรหม หนึ่งส่วนเป็นของพระวิษณุ และส่วนที่สี่ให้แก่พระอัคนี เพื่อให้เทวะแต่ละองค์ บันดาลให้เกิดช้างสี่ตระกูล คือ ๑. อิศวรพงศ์ ๒. พรหมพงศ์ ๓. วิษณุพงศ์ และ ๔. อัคนิพงศ์ แล้วจึงสร้างพระเวท ๔ ประการ ไว้สำหรับให้สาธุชนทั้งหลาย ได้ใช้สำหรับปราบช้างทั้งสี่ตระกูลในโลก
    พระศิวะทรงประสาทพรให้พระเพลิง (หรือพระอัคนี) กระทำเทวฤทธิ์ โดยบังเกิดเป็นเปลวไฟออกจากช่องพระกรรณ (รูหู) ทั้งสองข้าง และท่ามกลางเปลวเพลิงทางด้านขวา บังเกิดเป็นเทวกุมารองค์หนึ่ง มีพระพักตร์เป็นช้าง พระนามว่า "ศิวบุตรพิฆเนศวร" ส่วนเบื้องซ้ายบังเกิดเป็นเทวกุมาร มีพระพักตร์เป็นช้าง ๓ เศียร มี ๖ พระกร ทรงพระนามว่า "โกญจนาเนศวร" พระกรข้างหนึ่งเกิดช้างเอราวัณ (ช้างเผือกผู้มี ๓๓ เศียร) พระกรอีกข้างหนึ่ง บังเกิดช้างคิรีเมขละไตรดายุค (ช้างเผือกผู้มี ๓ เศียร) ช้างทั้งสองถือเป็น "เทพยานฤทธิ์" ซึ่งพระเป็นเจ้าทั้งสามประสาทพรไว้ ให้เป็นเทพพาหนะขององค์อมรินทร์ ส่วนพระกรอีกสองกรของพระโกญจนาเนศวร เกิดเป็นช้างเผือกซึ่งจะได้อุบัติในโลก สำหรับเป็นพาหนะของกษัตริย์ อันมีอภินิหารอีกข้างละสามตระกูล คือ ช้างเผือกเอก โท ตรี โดยพระกรเบื้องขวาเป็นช้างพลาย (ช้างเพศผู้) ส่วนพระกรเบื้องซ้ายเป็นช้างพัง (ช้างเพศเมีย) อีกสองพระกร (ที่เหลือ) เบื้องขวาบังเกิดเป็น "สังข์ทักษิณาวรรต" (สังข์เวียนขวา) เบื้องซ้ายบังเกิดเป็น "สังข์อุตราวัฏ" (สังข์เวียนซ้าย) พระโกญจนาเนศวร ยืนอยู่เหนือกระพองศรีษะช้างเจ็ดเศียร (จินไม่ได้วาดมาในภาพนี้ครับ แต่วาดให้เท้าวางบนดอกบัวแทน)
    บรรดาหมอช้างทั้งหลายจึงกราบไหว้บูชา พระศิวบุตรพิฆเนศวรและพระโกญจนาเนศวร ด้วยเหตุนี้พระศิวบุตรทั้งสองก็ประจำอยู่ในโลกจนสิ้นภัทรกัปหนึ่ง ช้างเผือกทั้งสามตระกูล และสังข์สองตระกูล จึงเป็นของมงคล เพราะเกิดจากกลางฝ่ามือของพระโกญจนาเนศวรศิวบุตรนั่นเอง

    เอาล่ะครับ.! ฟังตำนานในศาสนาฮินดู (ศาสนาพราหมณ์) ที่ได้ถูกปรับประยุกต์ให้เป็นแบบไทยๆ กันแล้ว (เพราะเดินทางมาไกล ^^...อิอิ อีกอย่างคือตำนานแบบไทย กับต้นฉบับมักจะไม่ค่อยตรงกัน) ก็คงจะทำให้เข้าใจรูปวาดรูปนี้ของจินมากขึ้นนะครับ (เพราะคนไทยส่วนใหญ่ รู้จักแต่พระพิฆเนศ พอเห็นเทวดาที่มีศรีษะเป็นช้าง ก็มักจะเหมารวมว่าเป็น "พระคเณศ" หมด) รวมๆ จินวาดได้ดีนะครับ แต่หอยสังข์วาดไม่สวยเลย ดูเหมือนขนมสายไหมม้วนเป็นก้อนกลมๆ มากกว่า ส่วนอื่นๆ ใช้ได้ครับ ขอให้วาดเล่นๆ ให้สนุกครับ (๓ พ.ค. ๒๕๕๔)
 
 
 

 


 
 
 

 
     


 
Histats.com, Created : 7 Dec.2010
   
  Create and Maintained by JitdraThanee Copyright © 2008-2014 by JitdraThanee.com, All Rights Reserved. Best viewed 1280x800 pixels.