ผมขอยกคำกล่าวของพระพุทธเจ้า ที่ท่านได้ตักเตือนสามเณรราหุล (พระราชโอรส เพียงพระองค์เดียวของพระพุทธเจ้า) มาให้ฟังกันสักนิดนะครับ พระสูตรนี้ปรากฏอยู่ใน
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ (หน้าที่ ๒๖๓)
๒. ภิกขุวรรค,
๑. จูฬราหุโลวาทสูตร (ทรงโอวาทพระราหุล)
ดูก่อนราหุล เรากล่าวว่า..บุคคลผู้ไม่มีความละอายในการกล่าวมุสา ทั้งที่รู้อยู่ ที่จะไม่ทำบาปกรรมแม้น้อยหนึ่งไม่มี , เพราะเหตุนั้นแหละราหุล เธอพึงศึกษาว่า เราจักไม่กล่าวมุสา แม้เพราะหัวเราะกันเล่น (แม้เพียงเพื่อหัวเราะกันเล่น) ดูก่อนราหุล เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
บรรดาคำพูด ๑๐ คำ คำสัตย์แม้สักคำหนึ่งย่อมไม่มีแก่ผู้ใด ผู้เห็นปานนี้ ชื่อว่าผู้มักพูดเท็จ, การพูดเท็จ เป็นวจีทุจริต เป็นอกุศลกรรมบถ เมื่อสำเร็จเป็นอกุศลกรรมบถที่ครบองค์แล้ว ย่อมทำให้ผลที่ไม่ดีเกิดขึ้น กล่าวคือ ผลอย่างหนักทำให้ไปเกิดในอบายภูมิ ถ้าเป็นผลอย่างเบา เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ได้รับคำพูดที่ไม่จริงจากผู้อื่น.
* ใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับพระสูตรนี้ ก็สามารถเสิร์จหาได้จากคำว่า '
จูฬราหุโลวาทสูตร (ทรงโอวาทพระราหุล)' นะครับ, การกล่าวเท็จ (ศีลข้อ ๔ :
ศีล แปลว่า "ความเป็นปกติ") นั้นเป็น อกุศล ที่เราๆ ท่านๆ หรือปุถุชน มักจะทำผิดกันได้ง่าย (ง่ายที่สุด กว่าศีลข้ออื่นๆ ในทั้งหมด ๕ ข้อ) เพราะประมาท โดยมักจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่การสั่งสมอกุศลชนิดนี้ (หรือชนิดใดก็ตาม) ต่อไปเรื่อยๆ จากเล็กๆ พอนานวันเข้าๆ ก็มักจะค่อยๆ พัฒนากลายเป็นอกุศลใหญ่ๆ ได้อีก ซึ่งมักจะหนักข้อขึ้นไปเรื่อยๆ ขอยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ นะครับ สมมุติว่า คุณรู้สึกสนุกกับการ "ฆ่า" เริ่มที่แมลงตัวเล็กๆ โดยไม่ละอาย (ว่าเขาก็ "รักชีวิต" เหมือนเรา) หรือไม่เกรงกลัวต่อบาป (ไม่เชื่อผลของกรรม จากการกระทำโดยเจตนาของเรา ที่จะมีผลตามมาอย่างแน่นอน) พอมากครั้งเข้าๆ ก็ชักจะย่ามใจ ต่อไปก็เริ่มเป็น จิ้งจก ตุ๊กแก นก ซึ่งตัวจะใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นอาจกลายเป็น แมว สุนัข หรือไปจบที่ มนุษย์ เพราะฉะนั้น..เราจึงไม่ควรประมาท กับอกุศลกรรมเล็กๆ เหล่านี้เป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ :
จิด-ตระ-ธานี