ภาพจากหนังสือ "เปิดกรุภาพเก่า"
โดย เอนก นาวิกมูล
|
|
ภาพขวามือ เป็นภาพถ่ายโบราณที่ยืนยันได้ว่า คนไทยก็เคยมีการนำศพไปให้แร้งกิน แต่ที่มาต่างจากทิเบต ตรงเรื่องเล่าที่ว่า ในสมัยรัชกาลที่ ๒ มีโรงห่าระบาดอย่างหนัก (หมายถึง "อหิวาตกโรค" (Cholera) ทำให้มีคนตายเป็นจำนวนมากเป็นเรือนหมื่น เผากันไม่ทัน เลยต้องขนเอาศพเหล่านั้นไปทิ้งไว้ที่วัดสระเกศ ซึงเป็นวัดที่อยู่นอกกำแพงเมือง (คนโบราณมีคติไม่ทำศพภายในกำแพงเมือง) ส่วนผู้คนที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่ ก็พากันอพยพหนีตายกันอลหม่าน จึงทำให้มีนกแร้งเป็นจำนวนมาก พากันลงมาปักหลักกินซากศพกันอย่างคึกคัก และที่ลานวัดสระเกศแห่งนี้ ยังเคยมีการนำเอาศพนักโทษประหารมาทิ้งไว้ให้แร้งกินอีกด้วย
คราวนี้..ผมก็จะเล่าเรื่อง "พิธีทำศพฟากฟ้า" ซึ่งเป็นพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญมาก สำหรับสามัญชนทั่วไปในทิเบต ที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายวัชรยาน โดย "พิธีศพฟากฟ้า" เป็นประเพณีเก่าแก่ที่กระทำสืบทอดกันมาเป็นเวลานานกว่า ๑,๐๐๐ ปี อีกทั้งยังประหยัด และเหมาะสมกับภูมิประเทศในแถบนั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง มีที่ราบน้อย เนื้อดินแข็ง การฝังศพจึงเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่สามารถขุดดินให้ลึกพอ อีกทั้งอากาศยังหนาวเย็น ไม้ฟืนเองก็หาได้ยากและมีราคาแพง ทำให้การเผาศพจึงเป็นพิธีกรรมที่สงวนไว้ สำหรับบุคคลสำคัญเท่านั้น เช่น พระลามะชั้นสูง หรือผู้ที่มีอันจะกินพอ |