Baan Aree'26


Fun Learning traditional Thai designs with JitdraThanee's Logo

        'เบิร์ด' หนุ่มมาดเซอร์ จากรั้วสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ส่งผลงานมาแบ่งกันชมอีก ๑ ภาพครับ ระเบียง 'วาดเล่น ๆ กับ จิด-ตระ-ธานี' ยินดีที่ได้นำเสนอผลงานเบิร์ดครับ

 
ชัยวัฒน์ ครุปิติ (เบิร์ด) , ๒๖ ปี
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (คณะศิลปะวิจิตร เอกศิลปะไทย) , จ.กรุงเทพฯ

แรงบันดาลใจ : เกิดแรงบันดาลใจจากวรรณคดีเรื่องไตรภูมิ ที่กล่าวถึงต้นมักกะลีผล ในป่าหิมพานต์

ส่งผลงานเมื่อ red arrow ๒๔ พ.ค. ๒๕๕๔)
 
 






Bird's Portrait


 

3
123


  อื้อหือ..หายไปนานมากๆ เลยนะครับ (รูปครั้งก่อนส่งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒) กลับมาอีกทีคราวนี้ เบิร์ดกลายเป็นหนุ่ม เดรทล็อคส์ (Dreadlocks) ไปแล้ว (สระผมยากมั้ยครับ.? ผมเป็นสังกะตังแบบนั้น ^^) รู้สึกเบิร์ดจะสนใจเรื่องมักกะลีผลมาตลอดเลยนะครับ เพราะภาพที่ส่งมาครั้งแรกสุด ก็เป็นรูปต้นมักกะลีผลเหมือนกัน แต่ตามประวัติชื่อ "มักกะลีผล" ปรากฏเป็นครั้งแรกในชาดกเรื่อง พระเวสสันดรชาดก หรือชาดกชาติสุดท้ายใน "ทศชาติชาดก" ซึ่งในชาตินี้พระโพธิสัตว์ บำเพ็ญทานบารมี ก่อนจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

    ตามท้องเรื่องใน พระเวสสันดรชาดกกล่าวไว้ว่า ต้นมักกะลีผลถูกเนรมิตขึ้นโดย พระอินทร์* จำนวน ๑๖ ต้น โอบล้อมไว้ทุกๆ ทิศ ณ ที่ห่างไกล ก่อนถึงอาศรม ในเขาวงกต ป่าหิมพานต์ ซึ่งเป็นที่พำนักของพระเวสสันดร พระนางมัทรี และกัญหา ชาลี ซึ่งได้ผนวชเป็นฤๅษี หลังจากถูกเนรเทศออกจากพระนคร เพราะพระเวสสันดรได้มอบช้างปัจจัยนาเคนทร์ ซึ่งเป็นช้างเผือกคู่บ้านคู่เมือง คู่บุญบารมีของพระเวสสันดร (เกิดพร้อมกัน) ให้กับพราหมณ์เมืองกลิงครัฐ ซึ่งเดินทางมาทูลขอ เพราะชาวเมืองกำลังทุกข์ยาก ด้วยข้าวยากหมากแพง เพราะฝนแล้ง ไม่ตกต้องตามฤดูกาล

* พระอินทร์ เป็นชื่อตำแหน่ง เทวาธิบดี หรือ ประมุขปกครองเทพทั้งปวง ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (ดาวดึงส์ แปลว่า ๓๓ ในภาษาบาลี ส่วนภาษาสันสกฤต จะเรียกว่า "ไตรตรึงษ์" แปลว่า ๓๓ เช่นกัน ดาวดึงส์ เป็นชื่อสวรรค์ชั้นที่ ๒ ในสวรรค์ "ฉกามาพจร" ทั้ง ๖ ชั้น (จัดอยู่ในกามภูมิ) พระอินทร์องค์ปัจจุบันชื่อว่า "ท้าวสักกะ"

    มูลเหตุที่พระอินทร์ได้เนรมิตต้นมักกะลีผลไว้ เพราะในป่าหิมพานต์ เต็มไปด้วย เหล่าฤๅษี และเหล่าอมนุษย์ เช่น นักสิทธิ์ วิทยาธร และคนธรรพ์ ซึ่งหลายตน ได้บำเพ็ญตบะ เข้าสมาธิได้ลึก ถึงระดับฌาน จนสามารถแสดงฤทธิ์ เหาะเหินเดินอากาศได้ ซึ่งฤทธิ์ที่ได้ดังกล่าวล้วนเป็น "โลกียอภิญญา" (อภิญญา ๕) หรือ "ปุถุชนฤทธิ์" ไม่สามารถตัดกิเลส-ตัณหาได้จริง เพียงแต่สามารถข่มไว้ได้ชั่วคราว ด้วยกำลังสมาธิ (อ่านเรื่อง ฌาน อภิญญา ที่ผมเขียนอธิบายไว้แล้ว red arrow คลิกที่นี่) พระอินทร์จึงเกรงว่า นักบวช และอมนุษย์เหล่านี้ จะตบะแตก ล่วงศีล คิดทำมิดีมิร้าย ต่อพระนางมัทรี ซึ่งมีสิริโฉมงดงาม ในระหว่างที่พระนางออกมาหาอาหาร เก็บผลไม้ในป่าเพียงลำพัง

    ต้นมักกะลีผล (หรือนารีผล) นี้ เป็นผลไม้วิเศษ ออกผลเป็นรูปสตรี ดั่งสาวแรกรุ่น (อายุ ๑๕-๑๖ ปี) รูปร่าง หน้าตา และทรวดทรง งดงามปานเทพธิดา กล่าวกันว่า จริงๆ แล้ว มักกะลีผล ๑ ผล ก็คือรุกขเทพธิดา ๑ นาง เมื่อต้นนารีผลออกดอก เสมือนเกิดวิมานแห่งรุกขเทพธิดาขึ้นที่นั่น เมื่อติดลูก ก็คือเทพธิดาจุติลงมาเกิด ความสวยงามสมบูรณ์แห่งนารีผล แต่ละผล จึงสวยงามต่างกัน ขึ้นอยู่กับบุญของเทพธิดาแต่ละนางด้วย เทพธิดาที่จุติ (จุติ แปลว่า "ตาย" หรือ การเคลื่อนจากภพหนึ่ง ไปสู่อีกภพหนึ่ง) ของเหล่ารุกขเทพธิดา* ไปเกิดเป็นนารีผลแต่ละนาง ก็เป็นไปด้วยกรรมของตน มิได้มีการบังคับแต่อย่างใด

* รุกขเทวดา หรือ รุกขเทพธิดา เป็นเทวดาชั้นต่ำ ในสวรรค์ชั้น "จาตุมหาราชิกา" ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่ ๑ หรือสวรรค์ชั้นล่างสุดในกามภูมิ
รุกขเทวดามีอยู่ ๒ จำพวก คือ
๑). รุกขเทวดา ที่มีวิมานอยู่บนต้นไม้ โดยถ้าอยู่บนยอดต้นไม้ เรียก "รุกขวิมาน" แต่ถ้าอยู่บนสาขาของต้นไม้ เรียก "สาขัฏฐวิมาน"
๒). รุกขเทวดา ที่อยู่บนต้นไม้แต่ไม่มีวิมาน (วิมาน คือที่อยู่ของเทวดา)
    รุกขเทวดา ที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้เหล่านี้ ถ้าต้นไม้นั้นตายหรือถูกตัดฟัน ก็จะย้ายจากต้นนั้นไปยังต้นอื่น

    เมื่อเหล่านักสิทธิ์ วิทยาธร ที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ เดินทางมาพบกับต้นมักกะลีผลเข้า หากจิตใจไม่เข้มแข็งพอ จะตบะแตก เพราะหลงใหลในความงามของนาง (บางตนถึงขั้นฤทธิ์ในฌานเสื่อม เช่น เหาะไม่ได้อีก) จะพากันสอยนางมักกะลีผลมาเสพบำเรอ ซึ่งต้นมักกะลีผลเหล่านี้ ล้วนเป็นเกราะป้องกันอย่างดี สำหรับพระนางมัทรี ระหว่างที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์

    มักกะลีผล จึงเป็นที่ต้องการของเหล่าอมนุษย์ (เช่น นักสิทธิ์ คนธรรพ์ เป็นต้น) ผู้ยังมีความปรารถนาในกามราคะ การที่มักกะลีผลจะแห้งเหี่ยวคาต้น แล้วร่วงหล่นลงมาเองนั้น จึงเป็นไปได้ยาก เพราะก่อนที่จะโรยรา (มักกะลีผลจะมีอายุเพียง ๗ วัน แล้วจะเหี่ยวแห้ง หรือเน่าไป) จะมีเหล่าอมนุษย์ทั้งหลาย มาเก็บเอาไป ถ้าพวกไหนเหาะไม่ได้ก็จะใช้ไม้สอยเอา แต่เพราะความต้องการมีมากกว่าผลผลิต (เกิดไม่ทันความต้องการ) จึงเกิดการรบราฆ่าฟันกันของเหล่าอมุษย์ เพื่อแย่งชิงมักกะลีผล

    แม้พระเวสสันดร และพระนางมัทรี จะเสด็จออกจากป่าหิมพานต์กลับเข้าสู่พระนครไปนานแล้ว (ตอนจบของพระเวสสันดรชาดก) ต้นมักกะลีผล ก็ยังคงปรากฏอยู่ ณ ที่แห่งนั้นตราบเท่าทุกวันนี้ ยังมีดอกหอมกรุ่น ออกผลเป็นสตรีรูปร่างงดงาม ห้อยระย้าอยู่ดังเดิม แม้ลูกที่หมดอายุขัยจะร่วงหล่นเหี่ยวเฉาไป ลูกใหม่ก็จะงอกออกมาแทนที่มิได้ขาด (กล่าวกันว่าเมื่อสิ้นศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคดม ต้นมักกะลีผลซึ่งถูกเนรมิตขึ้น ก็จะสลายไป)
    และยังกล่าวกันว่า ต้นมักกะลีผลนี้ ยังใช้เป็นสถานที่สำหรับฝึกตบะสำหรับเหล่าฤๅษี โดยฤๅษีที่บำเพ็ญเพียรจนตบะแก่กล้า กิเลสสงบรำงับลงได้แล้ว จะเหาะไปทดสอบจิตของตน ที่ต้นมักกะลีผล เพื่อดูว่า "ตบะตนจะแตกหรือไม่" หรือในบางครั้ง ฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ จะพาลูกศิษย์ไปทดสอบระดับจิต ฝึกควบคุมจิตของตน ณ สถานที่แห่งนี้ก็มี


    โอ้โห...อธิบายซะยาว สนุกดีเหมือนกันนะครับ แต่..ถ้าใครอยากจะเห็น ต้นมักกะลีผลของจริง ก็ให้เพียรฝึกสมาธิจนจิตสามารถเข้าฌานได้ ในระดับลึกๆ นะครับ แต่ให้จำไว้ว่า ฤทธิ์ที่ได้เหล่านี้ ยังเป็นเพียงปุถุชนฤทธิ์ ไม่สามารถทำลายกิเลส-ตัณหาใดๆ ได้จริงเลย (แต่..สามารถกดข่มกิเลสได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ตราบเท่าที่กำลังฌานยังทรงอยู่ แต่ฌานนั้น เป็นสมาธิที่เจริญขึ้นได้ยาก แต่เสื่อมง่าย, อีกอย่างควรมีครูบาอาจารย์ ที่สอนถูกต้อง ดูแลอยู่ด้วยนะครับ เพราะการฝึกสมาธิเพียงลำพัง จะทำให้หลงทางได้โดยง่าย บางครั้งอาจหลงในนิมิตที่เกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งจริงและไม่จริง (ส่วนใหญ่ไม่จริง) จนอาจทำให้จิตวิปลาส เสียสติได้) จนกว่าจะได้ฝึกเจริญปัญญาต่อยอด ในรูปแบบ "วิปัสสนากรรมฐาน" อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนนะครับ ถึงจะสามารถทำลายกิเลส-ตัณหาลงได้จริง
    แต่อ่านเรื่องนี้แล้ว ผมก็คิดไปว่า เหล่าฤๅษี และอมนุษย์ส่วนใหญ่ คงจะมีแต่เพศชายนิ ไม่มีเพศหญิง ไม่งั้นพระอินทร์คงจะเนรมิต "ต้นบุรุษผล" ขึ้นมาแทน ๕๕๕+ คงจะพิลึกดีนะครับ แต่ผมว่า คงตลกน่าดู...และสงสัยว่า.? อาจจะมีแต่เหล่าเก้งกวางวนอยู่รอบๆ ต้นก็ได้....อิอิ ^^..

    เอ้า...โม้มาก มาวิจารณ์ผลงานของหนุ่มเบิร์ดต่อดีกว่า ภาพนี้ผมว่า background ของภาพซึ่งเป็นสีเขียว ดูมันกลืนๆ ไปกับต้นมักกะลีผล ซึ่งมีใบเป็นสีเขียว ในโทนสีเดียวกันมากไปนะครับ ทำให้มองเผินๆ ดูมันกลืนกันไปหมดเลย อีกทั้งองค์ประกอบก็ยังดูกระจายๆ ทำให้ภาพโดยรวมๆ ขาดจุดเด่นไปนะครับ แต่รายละเอียดของนางมักกะลีผลในแต่ละจุดย่อยๆ (ภาพขยาย) แต่ละนางวาดได้สวย น่าสนใจดีครับ ดูเหมือนมักกะลีผลต้นนี้ของเบิร์ด จะออกดอกคล้ายๆ กับดอกสาละเลยนะครับ แถมยังมีผลที่ดูเหมือนยายแก่อีกด้วย ๕๕๕๕+ แต่ตามท้องเรื่องผลไม้นี้ ไม่มีเด็กไม่มีแก่นะครับ คือตั้งแต่ออกผลมา ก็เป็นสาวแรกรุ่นเลย พอหมดอายุ (ครบ ๗ วัน) ก็จะโรยราและเหี่ยวแห้งไป ไม่ต้องรอให้แก่เป็นหญิงชราเหมือนคนเราก่อนนะครับ แต่ก็ถือว่า..เป็นจินตนาการของผู้วาด ที่เพิ่มสีสันให้กับภาพได้ดีครับ แลเห็นความไม่เที่ยงของสังขารเลยนิ เพราะคนสวยกับคนแก่ อยู่คู่กันให้ดูเห็นๆ ^^ ขอให้วาดเล่นๆ ให้สนุกครับ (๒๖ พ.ค. ๒๕๕๔)
 
 
 





 
 
 

 
     


 
Histats.com, Created : 7 Dec.2010
   
  Create and Maintained by JitdraThanee Copyright © 2008-2014 by JitdraThanee.com, All Rights Reserved. Best viewed 1280x800 pixels.